เรื่อง ห้ามบุคคลเดินทางออกนอกราชอาณาจักร
ตามที่ได้มีคำสั่งให้บุคคลเข้ารายงานตัว ณ หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ในวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ.2557 เวลา 10.00 น. ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 1/2557 ฉบับที่ 2/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557 และฉบับที่ 3/2557 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ.2557 รวมจำนวน 155 รายนั้น เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขสถานการณ์ปัญหาความขัดแย้งของบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงห้ามบุคคลตามคำสั่งดังกล่าวเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ สำหรับบุคคลใดที่ไม่เข้ารายงานตัวตามคำสั่ง จะถูกติดตามจับกุมและดำเนินคดี ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ.2557
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 22/2557
เรื่อง การจัดส่วนงาน การกำหนดอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
เพื่อให้การบริหารราชการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด จึงกำหนดส่วนงาน อำนาจหน้าที่ และความรับผิดชอบ ดังนี้
1.ระดับนโยบาย : ได้แก่
1.1 การจัดส่วนงาน แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ
1.1.1 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกอบด้วย หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ,รองหัวหน้าคณะฯ 4 ท่าน และเลขาธิการฯ 1 ท่าน
1.1.2 คณะที่ปรึกษาและประสานงานด้านความมั่นคง
1.2 ระดับแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ : ได้แก่
1.2.1 ฝ่ายความมั่นคง
1.2.2 ฝ่ายเศรษฐกิจ
1.2.3 ฝ่ายสังคมจิตวิทยา
1.2.4 ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
1.2.5 ฝ่ายกิจการพิเศษ
1.2.6 ส่วนงานขึ้นตรง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
1.3 ระดับปฏิบัติ : ได้แก่ ส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกอบด้วย
1.3.1 กระทรวง ทบวง กรม และส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อ หัวหน้าคณะฯ
1.3.2 กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย
2. อำนาจหน้าที่ ให้แต่ละส่วน มีหน้าที่ดังนี้
2.1 ระดับนโยบาย
2.1.1 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีหน้าที่ กำหนดนโยบายการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งนโยบายเฉพาะหน้า และนโยบายระยะยาว เพื่อให้ส่วนงานระดับแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ และระดับปฏิบัตินำไปดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายที่กำหนดไว้
2.1.2 คณะที่ปรึกษาและประสานงานด้านความมั่นคง มีหน้าที่ให้คำแนะนำต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติร้องขอ หรือที่ริเริ่มขึ้นเอง
2.2 ระดับแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ มีหน้าที่ อำนวยการ ควบคุม กำกับดูแลการปฏิบัติราชการของกระทรวง ทบวง กรม ส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้องตามความรับผิดชอบ ให้เป็นไปตามนโยบายที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติกำหนด
2.3 ระดับปฏิบัติ มีหน้าที่ ปฏิบัติราชการ ตามนโยบายที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติกำหนด
3. การแบ่งมอบความรับผิดชอบ
3.1 สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ : มี พลเอก อุดมเดช สีตบุตร เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด รับผิดชอบหน่วยงาน/ส่วนราชการ ที่ขึ้นตรงต่อหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และหน่วยงาน/ส่วนราชการที่มิได้กำหนดไว้ในประกาศฉบับนี้ รวมทั้งกำกับดูแลการปฏิบัติงานทั้งปวงของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยมี พลโท ชาตอุดม ติตถะสิริ รองเสนาธิการทหารบกเป็นรองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
3.2 กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย : มี แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นผู้บัญชาการกองกำลังรักษาตวามสงบเรียบร้อย มีหน่วยงานในบังคับบัญชาประกอบด้วย กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 1-4 (กำลังของกองทัพไทย เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขึ้นควบคุมทางยุทธการ)
3.3 ฝ่ายความมั่นคง : มี พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง และมี พลเอกอักษรา เกิดผล เสนาธิการทหารบก เป็น รองหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง มีหน่วยงาน/ส่วนราชการในความรับผิดชอบ รวม 4 หน่วยงาน ได้แก่
- กระทรวงกลาโหม
- กระทรวงมหาดไทย
- กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
- กระทรวงการต่างประเทศ
3.4 ฝ่ายสังคมจิตวิทยา : มี พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา และมี พลโท สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองเสนาธิการทหารบก เป็นรองหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา มีหน่วยงาน/ส่วนราชการในความรับผิดชอบ รวม 7 หน่วยงาน คือ
- กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- กระทรวงศึกษาธิการ
- กระทรวงสาธารณสุข
- กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
- กระทรวงวัฒนธรรม
- กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
- กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
3.5 ฝ่ายเศรษฐกิจ : มี พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ และมี พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เป็นรองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ มีหน่วยงาน/ส่วนราชการในความรับผิดชอบ รวม 7 หน่วยงาน ได้แก่
- กระทรวงการคลัง
- กระทรวงพาณิชย์
- กระทรวงอุตสาหกรรม
- กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
- กระทรวงพลังงาน
- กระทรวงแรงงาน
- กระทรวงคมนาคม
3.6 ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม : มี พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และมี พลโท ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข รองเสนาธิการทหารบกเ เป็น รองหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม มีหน่วยงาน/ส่วนราชการในความรับผิดชอบ จำนวน 3 หน่วยงาน ได้แก่
- กระทรวงยุติธรรม
- สำนักงานอัยการสูงสุด
- สำนักงานป้องกันแล้วปราบปรามการฟอกเงิน
3.7 ฝ่ายกิจการพิเศษ : มี พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ และมี พลโท สุชาติ หนองบัว ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายกำลังพล เป็นรองหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ มีหน่วยงานและส่วนราชการ ในความรับผิดชอบ จำนวน 20 หน่วยงาน ได้แก่
- สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.)
- สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.)
- สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
- สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)
- สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
- สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการ (ก.พ.ร.)
- สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.)
- กรมประชาสัมพันธ์ (กปส.)
- สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
- สำนักนายกรัฐมนตรี
- สำนักราชเลขาธิการ
- สำนักพระราชวัง
- สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
- สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
- สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
- ราชบัณฑิตยสถาน
- สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
- สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา
- สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมิน
3.8 ส่วนงานขึ้นตรงกับหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน 5 หน่วยงาน ได้แก่
- กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
- สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
- สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
- สำนักข่าวกรองแห่งชาติ
- สำนักงบประมาณ
ประกาศ ณ วันที่ 23 พฤษภาคม 2557
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 23/2557
เรื่อง การถ่ายทอดออกอากาศของสถานีวิทยุโทรทัศน์ภาคพื้นดิน ระบบแอนาล็อก และสถานีวิทยุกระจายเสียง
เพื่อให้การเผยแพร่ข่าวสารไปสู่ประชาชนกลับสู่สภาวะปกติ และเป็นไปด้วยความถูกต้อง ปราศจากการบิดเบือน อันจะก่อเกิดความเข้าใจผิดจนส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงให้
1. สถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดิน ระบบแอนาล็อก ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ออกอากาศรายการประจำของสถานีได้ตามปกติ ดังต่อไปนี้
(1) สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ช่อง 5)
(2) สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง NBT)
(3) สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ (ช่อง 9)
(4) สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส (ช่อง TPBS)
(5) สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 (ช่อง 3)
(6) สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 (ช่อง 7)
2. สถานีวิทยุกระจายเสียงของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ และรวมถึงสถานีวิทยุกระจายเสียงที่ได้รับอนุญาต สัญญา หรือสัมปทานจากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ยกเว้นสถานีวิทยุกระจายเสียงที่ได้รับอนุญาตทดลองประกอบกิจการ ออกอากาศรายการประจำของสถานีได้ตามปกติ
3. การออกอากาศรายการประจำสถานีจะต้องงดเว้นการนำเสนอข้อมูล ข่าวสารอันมีลักษณะต้องห้ามตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 14/2557 เรื่อง ห้ามสร้างความขัดแย้งต่อต้านการปฏิบัติงานของ คสช. และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 18/2557 เรื่อง การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสู่สาธารณะ
4. เมื่อมีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับประกาศ คำสั่ง ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้สถานีโทรทัศน์และสถานีวิทยุกระจายเสียงข้างต้นถ่ายทอดสัญญาณภาพ เสียง จากสถานีโทรทัศน์ สถานีวิทยุกระจายเสียงของกองทัพบกโดยทันที
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 23 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 24/2557
เรื่อง ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ต่อไป
เพื่อให้องค์กรอิสระ และองค์กรอื่นๆ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้อย่างต่อเนื่องและเป็นธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงประกาศให้ พระราชบัญญัตประกอบรัฐธรรมนูญดังต่อไปนี้ มีผลบังคับใช้ต่อไป
1.พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2542
2.พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542
3.พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2550
4.พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2552
5.พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2552
ทั้งนี้ จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
ประกาศ ณ วันที่ 23 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 25/2557
เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัว หรือแจ้งเหตุขัดข้อง
ตามที่ได้มีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 1/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่องให้บุคคลมารายงานตัว และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 2/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่องให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม แก้ไขวันเวลา และสถานที่รายงานตัว และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2557 เรื่องให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติมลงวันที่ 23 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 ด้วยปรากฏว่ายังมีบุคคลที่มีรายชื่อตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติยังไม่มารายงานตัวต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ดังนั้น เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลซึ่งมีรายชื่อตามคำสั่งดังกล่าวมารายงานตัวภายในวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ.2557 ภายในเวลา 16.00 น. หากผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับผู้ที่มีเหตุขัดข้องจำเป็นเร่งด่วนไม่สามาระมารายงานตัวได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดให้แจ้งข้อขัดข้องมายังคณะรักษาความสงบแห่งชาติภายในเวลากำหนดข้างต้น
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 26/2557
เรื่อง การดูแล และสอดส่องการใช้สื่อสังคมออนไลน์
ตามที่ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒/๒๕๕๗ เรื่อง
ขอความร่วมมือจากสื่อสังคมออนไลน์ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗
และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๗/๒๕๕๗ เรื่อง การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต
ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ นั้น เพื่อให้การดำเนินการตามประกาศดังกล่าว
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพภายใต้บทบัญญัติของกฎหมาย
จึงให้ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
แต่งตั้งคณะบุคคลเป็นคณะทำงานด้านสื่อสังคมออนไลน์ มีอำนาจหน้าที่ดังนี้
๑. ตรวจสอบ หรือเข้าถึงข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ การใช้เว็บไซต์ สื่อสังคมออนไลน์ ทั้งข้อความ รูปภาพ ภาพที่เคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่อง และคลิปเสียง ที่แพร่ในเชิงปลุกระดม ยั่วยุ สร้างความรุนแรง ความไม่น่าเชื่อถือและไม่เคารพกฎหมาย ตลอดจนต่อต้านการปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยประสานกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและผู้เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด
๒. มีอำนาจระงับการเผยแพร่เว็บไซต์ สื่อสังคมออนไลน์ ทั้งข้อความ รูปภาพ ภาพที่เคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่อง และคลิปเสียง ที่ฝ่าฝืนตามข้อ ๑
๓. ใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบ เพื่อดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำในลักษณะดังกล่าว รวมทั้งร่วมมือและประสานงานกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อดำเนินการตามคำสั่งดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
๑. ตรวจสอบ หรือเข้าถึงข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ การใช้เว็บไซต์ สื่อสังคมออนไลน์ ทั้งข้อความ รูปภาพ ภาพที่เคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่อง และคลิปเสียง ที่แพร่ในเชิงปลุกระดม ยั่วยุ สร้างความรุนแรง ความไม่น่าเชื่อถือและไม่เคารพกฎหมาย ตลอดจนต่อต้านการปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยประสานกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและผู้เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด
๒. มีอำนาจระงับการเผยแพร่เว็บไซต์ สื่อสังคมออนไลน์ ทั้งข้อความ รูปภาพ ภาพที่เคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่อง และคลิปเสียง ที่ฝ่าฝืนตามข้อ ๑
๓. ใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบ เพื่อดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำในลักษณะดังกล่าว รวมทั้งร่วมมือและประสานงานกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อดำเนินการตามคำสั่งดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
ประกาศ ณ วันที่
๒๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 27/2557
เรื่อง การถ่ายทอดออกอากาศของสถานีวิทยุโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิตอลและสถานีโทรทัศน์ที่ได้รับอนุญาตสัญญา หรือสัมปทานจากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ
เพื่อให้การเผยแพร่ข่าวสารไปสู่ประชาชนเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ และเป็นไปด้วยความถูกต้องปราศจากการบิดเบือน อันจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด จนส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อย คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงให้
1.ผู้ให้บริการโทรทัศน์ดังต่อไปนี้ออกอากาศได้ตามปกติ ผ่านทางระบบการใช้คลื่นความถี่ภาคพื้นดิน ระบบผ่านดาวเทียม และเคเบิ้ล
(1) ผู้ให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบอนาล็อกตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 23/2557 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2557
(2) ผู้ให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิตอล ซึ่งได้รับอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ ยกเว้นสถานีโทรทัศน์ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 15/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
2. ผู้ให้บริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกที่ได้รับอนุญาตออกอากาศรายการได้ตามปกติ ผ่านทางโครงข่ายระบบผ่านดาวเทียมและเคเบิ้ลแบบบอกรับสมาชิกเท่านั้น
3. การออกอากาศรายการประจำสถานีจะต้องงดเว้นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารอันมีลักษณะต้องห้ามตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 14/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และฉบับที่ 18/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557)
4. เมื่อมีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับประกาศคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้ผู้ให้บริการโทรทัศน์ข้างต้นถ่ายทอดสัญญาณภาพ เสียงจากสถานีโทรทัศน์กองทัพบกโดยทันที
5. ให้ผู้ให้บริการภาคพื้นดินทั้งระบบอนาล็อกและดิจิตอล รวมถึงผู้ให้บริการโครงข่ายที่ใช้คลื่นความถี่ภาคพื้นดิน โครงข่ายดาวเทียม และโครงข่ายเคเบิ้ล ที่ให้บริการระดับชาติมารายงานตัว ณ หอประชุมชั้น 2 สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2557 เวลา 16.00 น.
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 28/2557
เรื่อง การถวายรายงานสถานการณ์บ้านเมือง
ตามที่กองทัพบก และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก ทั่วราชอาณาจักร และเข้าควบคุมอำนาจการปกครองเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของบ้านเมืองมาโดยลำดับนั้น กองทัพบก และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีหนังสือถึงสำนักราชเลขาธิการแล้ว 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 และวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เพื่อนำความกราบบังคมทูลฯ ตามโอกาสอันเหมาะสม
บัดนี้ ได้มีหนังสือตอบกลับจากสำนักราชเลขาธิการว่า ความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท เรียบร้อยแล้ว จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน
ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 29/2557
เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ตามที่ได้มีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 1/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัว ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 2/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม และแก้ไขวันเวลาและสถานที่รายงานตัว ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 5/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ลงวันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 6/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัว ลงวันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
หากบุคคลที่มีรายชื่อตามคำสั่งดังกล่าว ไม่มารายงานตัวภายในวันเวลาที่กำหนด ต้องระวางจำโทษคุก 2 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และห้ามมิให้กระทำการใดๆ หรือสั่งให้การทำการใดๆ เกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินหรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของบุคคล หรือนิติบุคคล เท่าที่จำเป็นแก่การรักษาความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 30/2557
เรื่อง ให้วุฒิสภาสิ้นสุดลง
ตามที่ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 11/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ให้วุฒิสภาที่มีอยู่ ณ วันที่ประกาศดังกล่าวมีผลใช้บังคับ ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปนั้น เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดิน หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ 1. ให้วุฒิสภาที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ ณ วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ สิ้นสุดลง
ข้อ 2. ในกรณีที่มีกฎหมายบัญญัติให้การดำเนินการเรื่องใดต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา ให้เป็นอำนาจของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในการให้ความเห็นชอบแทนรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา ในเรื่องนั้น
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ