วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 21 - 30 /2557

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 21/2557
เรื่อง ห้ามบุคคลเดินทางออกนอกราชอาณาจักร  
                ตามที่ได้มีคำสั่งให้บุคคลเข้ารายงานตัว ณ หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ในวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ.2557 เวลา 10.00 น. ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 1/2557 ฉบับที่ 2/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557 และฉบับที่ 3/2557 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ.2557 รวมจำนวน 155 รายนั้น เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขสถานการณ์ปัญหาความขัดแย้งของบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงห้ามบุคคลตามคำสั่งดังกล่าวเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ สำหรับบุคคลใดที่ไม่เข้ารายงานตัวตามคำสั่ง จะถูกติดตามจับกุมและดำเนินคดี ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
                ประกาศ ณ วันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ.2557 

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 22/2557

เรื่อง การจัดส่วนงาน การกำหนดอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ 
                เพื่อให้การบริหารราชการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด จึงกำหนดส่วนงาน อำนาจหน้าที่ และความรับผิดชอบ ดังนี้
                1.ระดับนโยบาย :​ ได้แก่
                    1.1 การจัดส่วนงาน แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ
                       1.1.1 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกอบด้วย หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ,รองหัวหน้าคณะฯ 4 ท่าน และเลขาธิการฯ 1 ท่าน
                       1.1.2 คณะที่ปรึกษาและประสานงานด้านความมั่นคง
                    1.2 ระดับแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ : ได้แก่
                       1.2.1 ฝ่ายความมั่นคง
                       1.2.2 ฝ่ายเศรษฐกิจ
                       1.2.3 ฝ่ายสังคมจิตวิทยา
                       1.2.4 ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
                       1.2.5 ฝ่ายกิจการพิเศษ
                       1.2.6 ส่วนงานขึ้นตรง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                    1.3 ระดับปฏิบัติ : ได้แก่ ส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกอบด้วย
                       1.3.1 กระทรวง ทบวง กรม และส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อ หัวหน้าคณะฯ
                       1.3.2 กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย
                2. อำนาจหน้าที่ ให้แต่ละส่วน มีหน้าที่ดังนี้
                   2.1 ระดับนโยบาย
                       2.1.1 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีหน้าที่ กำหนดนโยบายการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งนโยบายเฉพาะหน้า และนโยบายระยะยาว เพื่อให้ส่วนงานระดับแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ และระดับปฏิบัตินำไปดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายที่กำหนดไว้
                      2.1.2 คณะที่ปรึกษาและประสานงานด้านความมั่นคง มีหน้าที่ให้คำแนะนำต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติร้องขอ หรือที่ริเริ่มขึ้นเอง
                   2.2 ระดับแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ มีหน้าที่ อำนวยการ ควบคุม กำกับดูแลการปฏิบัติราชการของกระทรวง ทบวง กรม ส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้องตามความรับผิดชอบ ให้เป็นไปตามนโยบายที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติกำหนด
                   2.3 ระดับปฏิบัติ มีหน้าที่ ปฏิบัติราชการ ตามนโยบายที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติกำหนด
               3. การแบ่งมอบความรับผิดชอบ
                  3.1 สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ : มี พลเอก อุดมเดช สีตบุตร เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด รับผิดชอบหน่วยงาน/ส่วนราชการ ที่ขึ้นตรงต่อหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และหน่วยงาน/ส่วนราชการที่มิได้กำหนดไว้ในประกาศฉบับนี้ รวมทั้งกำกับดูแลการปฏิบัติงานทั้งปวงของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยมี พลโท ชาตอุดม ติตถะสิริ รองเสนาธิการทหารบกเป็นรองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                  3.2 กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย : มี แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นผู้บัญชาการกองกำลังรักษาตวามสงบเรียบร้อย มีหน่วยงานในบังคับบัญชาประกอบด้วย กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 1-4 (กำลังของกองทัพไทย เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขึ้นควบคุมทางยุทธการ)
                  3.3 ฝ่ายความมั่นคง : มี พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง และมี พลเอกอักษรา เกิดผล เสนาธิการทหารบก เป็น รองหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง มีหน่วยงาน/ส่วนราชการในความรับผิดชอบ รวม 4 หน่วยงาน ได้แก่
                  - กระทรวงกลาโหม
                  - กระทรวงมหาดไทย
                  - กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
                  - กระทรวงการต่างประเทศ
                  3.4 ฝ่ายสังคมจิตวิทยา : มี พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา และมี พลโท สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองเสนาธิการทหารบก เป็นรองหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา มีหน่วยงาน/ส่วนราชการในความรับผิดชอบ รวม 7 หน่วยงาน คือ
                  - กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
                  - กระทรวงศึกษาธิการ
                  - กระทรวงสาธารณสุข
                  - กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
                  - กระทรวงวัฒนธรรม 
                  - กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
                  - กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
                  3.5 ฝ่ายเศรษฐกิจ : มี พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ และมี พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เป็นรองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ มีหน่วยงาน/ส่วนราชการในความรับผิดชอบ รวม 7 หน่วยงาน ได้แก่
                  - กระทรวงการคลัง
                  - กระทรวงพาณิชย์
                  - กระทรวงอุตสาหกรรม
                  - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
                  - กระทรวงพลังงาน
                  - กระทรวงแรงงาน
                  - กระทรวงคมนาคม
                  3.6 ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม : มี พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และมี พลโท ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข รองเสนาธิการทหารบกเ เป็น รองหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม มีหน่วยงาน/ส่วนราชการในความรับผิดชอบ จำนวน 3 หน่วยงาน ได้แก่
     - กระทรวงยุติธรรม
     - สำนักงานอัยการสูงสุด
     - สำนักงานป้องกันแล้วปราบปรามการฟอกเงิน
                  3.7 ฝ่ายกิจการพิเศษ : มี พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ และมี พลโท สุชาติ หนองบัว ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายกำลังพล เป็นรองหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ มีหน่วยงานและส่วนราชการ ในความรับผิดชอบ จำนวน 20 หน่วยงาน ได้แก่
                  - สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.)
                  - สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.)
                  - สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
                  - สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)
                  - สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
                  - สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการ (ก.พ.ร.)
                  - สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.)
                  - กรมประชาสัมพันธ์ (กปส.)
                  - สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
                  - สำนักนายกรัฐมนตรี
                  - สำนักราชเลขาธิการ
                  - สำนักพระราชวัง
                  - สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
                  - สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
                  - สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
                  - ราชบัณฑิตยสถาน
                  - สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
                  - สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา
                  - สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมิน
                  3.8 ส่วนงานขึ้นตรงกับหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน 5 หน่วยงาน ได้แก่
                  - กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
                  - สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
                  - สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
                  - สำนักข่าวกรองแห่งชาติ
                  - สำนักงบประมาณ
                ประกาศ ณ วันที่ 23 พฤษภาคม 2557


ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 23/2557

เรื่อง การถ่ายทอดออกอากาศของสถานีวิทยุโทรทัศน์ภาคพื้นดิน ระบบแอนาล็อก และสถานีวิทยุกระจายเสียง
            เพื่อให้การเผยแพร่ข่าวสารไปสู่ประชาชนกลับสู่สภาวะปกติ และเป็นไปด้วยความถูกต้อง ปราศจากการบิดเบือน อันจะก่อเกิดความเข้าใจผิดจนส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงให้
            1. สถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดิน ระบบแอนาล็อก ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ออกอากาศรายการประจำของสถานีได้ตามปกติ ดังต่อไปนี้
              (1) สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ช่อง 5)
              (2) สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง NBT)
              (3) สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ (ช่อง 9)
              (4) สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส (ช่อง TPBS)
              (5) สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 (ช่อง 3)
              (6) สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 (ช่อง 7)
            2. สถานีวิทยุกระจายเสียงของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ และรวมถึงสถานีวิทยุกระจายเสียงที่ได้รับอนุญาต สัญญา หรือสัมปทานจากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ยกเว้นสถานีวิทยุกระจายเสียงที่ได้รับอนุญาตทดลองประกอบกิจการ ออกอากาศรายการประจำของสถานีได้ตามปกติ
            3. การออกอากาศรายการประจำสถานีจะต้องงดเว้นการนำเสนอข้อมูล ข่าวสารอันมีลักษณะต้องห้ามตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 14/2557 เรื่อง ห้ามสร้างความขัดแย้งต่อต้านการปฏิบัติงานของ คสช. และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 18/2557 เรื่อง การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสู่สาธารณะ
            4. เมื่อมีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับประกาศ คำสั่ง ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้สถานีโทรทัศน์และสถานีวิทยุกระจายเสียงข้างต้นถ่ายทอดสัญญาณภาพ เสียง จากสถานีโทรทัศน์ สถานีวิทยุกระจายเสียงของกองทัพบกโดยทันที
            ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
            ประกาศ ณ วันที่ 23 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 24/2557

เรื่อง ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ต่อไป
            เพื่อให้องค์กรอิสระ และองค์กรอื่นๆ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้อย่างต่อเนื่องและเป็นธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงประกาศให้ พระราชบัญญัตประกอบรัฐธรรมนูญดังต่อไปนี้ มีผลบังคับใช้ต่อไป
            1.พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2542
            2.พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542
            3.พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2550
            4.พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2552
            5.พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2552
            ทั้งนี้ จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
            ประกาศ ณ วันที่ 23 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 25/2557

เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัว หรือแจ้งเหตุขัดข้อง
            ตามที่ได้มีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 1/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่องให้บุคคลมารายงานตัว และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 2/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่องให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม แก้ไขวันเวลา และสถานที่รายงานตัว และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2557 เรื่องให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติมลงวันที่ 23 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 ด้วยปรากฏว่ายังมีบุคคลที่มีรายชื่อตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติยังไม่มารายงานตัวต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ดังนั้น เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลซึ่งมีรายชื่อตามคำสั่งดังกล่าวมารายงานตัวภายในวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ.2557 ภายในเวลา 16.00 น. หากผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
            สำหรับผู้ที่มีเหตุขัดข้องจำเป็นเร่งด่วนไม่สามาระมารายงานตัวได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดให้แจ้งข้อขัดข้องมายังคณะรักษาความสงบแห่งชาติภายในเวลากำหนดข้างต้น
            ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
            ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 26/2557

เรื่อง การดูแล และสอดส่องการใช้สื่อสังคมออนไลน์
           ตามที่ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒/๒๕๕๗ เรื่อง ขอความร่วมมือจากสื่อสังคมออนไลน์ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๗/๒๕๕๗ เรื่อง การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ นั้น เพื่อให้การดำเนินการตามประกาศดังกล่าว เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพภายใต้บทบัญญัติของกฎหมาย จึงให้ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร แต่งตั้งคณะบุคคลเป็นคณะทำงานด้านสื่อสังคมออนไลน์ มีอำนาจหน้าที่ดังนี้
           ๑. ตรวจสอบ หรือเข้าถึงข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ การใช้เว็บไซต์ สื่อสังคมออนไลน์ ทั้งข้อความ รูปภาพ ภาพที่เคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่อง และคลิปเสียง ที่แพร่ในเชิงปลุกระดม ยั่วยุ สร้างความรุนแรง ความไม่น่าเชื่อถือและไม่เคารพกฎหมาย ตลอดจนต่อต้านการปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยประสานกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและผู้เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด
          ๒. มีอำนาจระงับการเผยแพร่เว็บไซต์ สื่อสังคมออนไลน์ ทั้งข้อความ รูปภาพ ภาพที่เคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่อง และคลิปเสียง ที่ฝ่าฝืนตามข้อ ๑
          ๓. ใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบ เพื่อดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำในลักษณะดังกล่าว รวมทั้งร่วมมือและประสานงานกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อดำเนินการตามคำสั่งดังกล่าวต่อไป
          ทั้งนี้  ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
          ประกาศ  วันที่ ๒๔ พฤษภาคม พุทธศักราช  ๒๕๕๗

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 27/2557

เรื่อง การถ่ายทอดออกอากาศของสถานีวิทยุโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิตอลและสถานีโทรทัศน์ที่ได้รับอนุญาตสัญญา หรือสัมปทานจากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ
            เพื่อให้การเผยแพร่ข่าวสารไปสู่ประชาชนเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ และเป็นไปด้วยความถูกต้องปราศจากการบิดเบือน อันจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด จนส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อย คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงให้
            1.ผู้ให้บริการโทรทัศน์ดังต่อไปนี้ออกอากาศได้ตามปกติ ผ่านทางระบบการใช้คลื่นความถี่ภาคพื้นดิน ระบบผ่านดาวเทียม และเคเบิ้ล
              (1) ผู้ให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบอนาล็อกตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 23/2557 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2557
              (2) ผู้ให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิตอล ซึ่งได้รับอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ ยกเว้นสถานีโทรทัศน์ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 15/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
            2. ผู้ให้บริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกที่ได้รับอนุญาตออกอากาศรายการได้ตามปกติ ผ่านทางโครงข่ายระบบผ่านดาวเทียมและเคเบิ้ลแบบบอกรับสมาชิกเท่านั้น
            3. การออกอากาศรายการประจำสถานีจะต้องงดเว้นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารอันมีลักษณะต้องห้ามตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 14/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และฉบับที่ 18/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557)
            4. เมื่อมีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับประกาศคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้ผู้ให้บริการโทรทัศน์ข้างต้นถ่ายทอดสัญญาณภาพ เสียงจากสถานีโทรทัศน์กองทัพบกโดยทันที
            5. ให้ผู้ให้บริการภาคพื้นดินทั้งระบบอนาล็อกและดิจิตอล รวมถึงผู้ให้บริการโครงข่ายที่ใช้คลื่นความถี่ภาคพื้นดิน โครงข่ายดาวเทียม และโครงข่ายเคเบิ้ล ที่ให้บริการระดับชาติมารายงานตัว ณ หอประชุมชั้น 2 สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2557 เวลา 16.00 น.
            ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
            ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 28/2557

เรื่อง การถวายรายงานสถานการณ์บ้านเมือง
            ตามที่กองทัพบก และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก ทั่วราชอาณาจักร และเข้าควบคุมอำนาจการปกครองเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของบ้านเมืองมาโดยลำดับนั้น กองทัพบก และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีหนังสือถึงสำนักราชเลขาธิการแล้ว 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 และวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เพื่อนำความกราบบังคมทูลฯ ตามโอกาสอันเหมาะสม
            บัดนี้ ได้มีหนังสือตอบกลับจากสำนักราชเลขาธิการว่า ความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท เรียบร้อยแล้ว จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน
            ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 29/2557

เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
            ตามที่ได้มีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 1/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัว ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 2/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม และแก้ไขวันเวลาและสถานที่รายงานตัว ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 5/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ลงวันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 6/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัว ลงวันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
             หากบุคคลที่มีรายชื่อตามคำสั่งดังกล่าว ไม่มารายงานตัวภายในวันเวลาที่กำหนด ต้องระวางจำโทษคุก 2 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และห้ามมิให้กระทำการใดๆ หรือสั่งให้การทำการใดๆ เกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินหรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของบุคคล หรือนิติบุคคล เท่าที่จำเป็นแก่การรักษาความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม
            ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
            ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 30/2557

เรื่อง ให้วุฒิสภาสิ้นสุดลง
            ตามที่ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 11/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ให้วุฒิสภาที่มีอยู่ ณ วันที่ประกาศดังกล่าวมีผลใช้บังคับ ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปนั้น เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดิน หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีประกาศดังต่อไปนี้
            ข้อ 1. ให้วุฒิสภาที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ ณ วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ สิ้นสุดลง
            ข้อ 2. ในกรณีที่มีกฎหมายบัญญัติให้การดำเนินการเรื่องใดต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา ให้เป็นอำนาจของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในการให้ความเห็นชอบแทนรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา ในเรื่องนั้น
            ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
            ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

                        พลเอก ประยุทธ์  จันทร์โอชา 

                หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ