เรื่อง การพิจารณาและวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งและเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น
ตามที่ได้มีการประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 11/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่องการสิ้นสุดของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้วนั้น เพื่อให้ศาลอุทธรณ์สามารถดำเนินการพิจารณาและพิพากษาคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นต่อไป คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีประกาศดังต่อไปนี้
ให้ศาลอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ภาค มีอำนาจพิจารณาและวินิจฉัยคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งและเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น ในกรณีที่ประกาศผลการเลือกตั้งแล้วต่อไป ทั้งนี้ วิธีพิจารณาและวินิจฉัยคดีดังกล่าวให้เป็นไปตามระเบียบการประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยวิธีพิจารณาและวินิจฉัยคดี เกี่ยวกับการเลือกตั้งและเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2550
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
ประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 52/2557
เรื่อง ยกเลิกห้ามออกนอกเคหะสถานในบางพื้นที่
เพื่อเป็นการเสริมสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยว และลดผลกระทบจากการห้ามออกนอกเคหะสถานในพื้นที่ที่อยู่ในสภาวะสงบ และปราศจากการชุมนุมทางการเมืองอันส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ จึงให้ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหะสถานในพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ,พื้นที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดภูเก็ต สำหรับในพื้นที่อื่น ให้ยังคงปฏิบัติตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 42/2557 ลงวันที่ 26 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง แก้ไขห้วงเวลา ห้ามออกนอกเคหะสถาน
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
ประกาศ ณ วันที่ 3 มิถุนายน พุทธศักราช 2557
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 53/2557
เรื่อง กำหนดให้ผู้กระทำความผิดในบางกรณีที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 37/2557
ตามที่ได้มีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 37/2557 ลงวันที่ 29 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง ให้ผู้มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่สำหรับใช้เฉพาะแต่การสงครามนำส่งมอบ นั้น เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปโดยเรียบร้อยคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงประกาศดังต่อไปนี้
มิให้นำความในคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 37/2557 ลงวันที่ 29 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง ให้ผู้มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่สำหรับใช้เฉพาะแต่การสงครามนำส่งมอบ มาใช้บังคับแก่ผู้กระทำความผิดตามกฏหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน ที่ถูกจับกุมหรือตกเป็นผู้ต้องหาหรือเป็นจำเลยก่อนวันที่ 29 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 และอยู่ในระหว่างการสอบสวน หรือระหว่างคดียังไม่ถึงที่สุด
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 3 มิถุนายน พุทธศักราช 2557
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 54/2557
เรื่อง ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหะสถานในบางพื้นที่เพิ่มเติม
เนื่องจากสถานการณ์ในบางพื้นที่ได้คลี่คลายลง และไม่ปรากฏแนวโน้มของการเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง ดังนั้น เพื่อเป็นมาตรการ ผ่อนคลายและบรรเทาผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน จึงให้ยกเลิกการประกาศห้ามออกนอกเคหะสถานในพื้นที่ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดกระบี่ และจังหวัดพังงา
สำหรับในพื้นที่อื่นๆ ให้ยังคงปฏิบัติตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง ห้ามออกนอกเคหสถาน ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 42/2557 ลงวันที่ 26 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่องแก้ไขห้วงเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน และ ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 52/2557 ลงวันที่ 3 มิถุนายน พุทธศักราช 2557 เรื่องยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถานในบางพื้นที่
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
ประกาศ ณ วันที่ 6 มิถุนายน พุทธศักราช 2557
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 55 / 2557
เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
เพื่อให้การดำเนินการส่งเสริมการลงทุนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ จึงให้แต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ดังต่อไปนี้
องค์ประกอบ
1. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานกรรมการ
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
2. พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองประธานกรรมการ
หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ
3. พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลป์ยะ กรรมการ
รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ
4. นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี กรรมการ
ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
5. นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ กรรมการ
ปลัดกระทรวงการคลัง
6. นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ กรรมการ
ปลัดกระทรวงพานิชย์
7. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ กรรมการ
เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
8. นายอิสระ ว่องกุศลกิจ กรรมการ
ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
9. นายสุพันธุ์ หวังเจริญ กรรมการ
ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
10. นายบุญทักษ์ หวังเจริญ กรรมการ
ประธานสมาคมธนาคารไทย
11. นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการ
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
12. นายสถิต ลิ่มพงศ์พันธุ์ กรรมการ
ประธานกรรมการการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
13. นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ที่ปรึกษา
ประธานสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย
14. นางเพ็ญทิพย์ พรจะเด็ด ที่ปรึกษา
นายกสมาคมส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย
15. นายสมชาย หาญหิรัญ ที่ปรึกษา
ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
16. นายประกิจ ชินอมรพงษ์ ที่ปรึกษา
นายกสมาคมโรงแรมไทย
17. นายภัคพล งามลักษณ์ ที่ปรึกษา
สมาคมผู้ค้าปลีก
18. นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย กรรมการและเลขานุการ
เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
อำนาจหน้าที่
ให้มีอำนาจและหน้าที่ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ.2520
ประกาศ ณ วันที่ 6 มิถุนายน พุทธศักราช 2557
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 56/2557
เรื่อง ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถานในบางพื้นที่เพิ่มเติม
เนื่องจากสถานการณ์ในบางพื้นที่คลี่คลายลง และไม่ปรากฏแนวโน้มของการเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง ดังนั้น เพื่อเป็นการผ่อนคลายและบรรเทาผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน จึงให้ยกเลิกการประกาศห้ามออกนอกเคหสถานในพื้นที่อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และอำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
สำหรับในพื้นที่อื่นๆ ให้ยังคงปฏิบัติตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 7/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่องห้ามออกนอกเคหสถานประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 42/2557 ลงวันที่ 26 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่องการแก้ไขห้วงเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 52/2557 ลงวันที่ 3 มิถุนายน พุทธศักราช 2557 เรื่องยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถานในบางพื้นที่
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
ประกาศ ณ วันที่ 8 มิถุนายน พุทธศักราช 2557
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 57/2557
เรื่อง ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญบางฉบับมีผลบังคับใช้ต่อไป
ตามที่ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 11/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง การสิ้นสุดของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย นั้น โดยที่ประกาศดังกล่าวกำหนดให้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญบางหมวดยังคงมีผลใช้ บังคับได้ต่อไปโดยเฉพาะการกำหนดให้ศาลทั้งหลายคงมีอำนาจดำเนินการพิจารณา พิพากษาอรรถคดีตามบทกฎหมายและประกาศคณะรักษาความความสงบแห่งชาติ และให้องค์กรอิสระ และองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไป นอกจากนั้น ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 24/2557 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ต่อไป ก็มิได้ยกเลิกหรือสั่งให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับใดสิ้นสุดลงนอก จากกำหนดให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ 5 ฉบับ มีผลบังคับใช้ต่อไป ทั้งนี้ จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ด้วยเหตุนี้ เพื่อให้ศาล องค์กรอิสระ และองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ นั้น สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้อย่างต่อเนื่องและเป็นธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงเห็นเป็นการสมควรกำหนดเพิ่มเติมให้พระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญบางฉบับยังคงมีผลบังคับใช้ต่อเนื่องต่อไป ดังต่อไปนี้
ข้อ 1. ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 มีผลบังคับใช้ต่อเนื่องต่อไปโดยมิได้สะดุดลงจนกว่าจะมีกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติม หรือยกเลิก แต่ให้งดเว้นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การเลือกตั้งและการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาไว้เป็นการชั่วคราวก่อน
ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจกำหนดหรือ ขยายระยะเวลาในการยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิก วุฒิสภา ในการเลือกตั้งตามพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการทั่ว ไป พ.ศ. 2557 ได้ตามที่เห็นสมควร
ข้อ 2. ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 มีผลบังคับใช้ต่อเนื่องต่อไปโดยมิได้สะดุดลงจนกว่าจะมีกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติม หรือยกเลิก ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการรักษาความสงบเรียบร้อย ห้ามมิให้พรรคการเมืองที่มีอยู่ดำเนินการประชุม หรือดำเนินกิจการใด ๆ ในทางการเมือง และการดำเนินการเพื่อการจัดตั้งหรือจดทะเบียนพรรคการเมืองให้ระงับไว้เป็น การชั่วคราว รวมทั้งให้ระงับการจัดสรรเงินสนับสนุนแก่พรรคการเมืองของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองไว้เป็นการชั่วคราวด้วย ในกรณีมีข้อสงสัยให้หารือคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ข้อ 3. ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2552 มีผลบังคับใช้ต่อเนื่องต่อไปโดยมิได้สะดุดลงจนกว่าจะมีกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติม หรือยกเลิก
ข้อ 4. บรรดาคำร้อง สำนวนอรรถคดี หรือการใดที่ดำเนินการภายใต้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญตามข้อ 1 ข้อ 2 และข้อ 3 ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายทะเบียนพรรคการเมือง หรือศาลก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง นายทะเบียนพรรคการเมือง และศาลยังคงมีอำนาจดำเนินการพิจารณาและวินิจฉัยต่อไป
ข้อ 5. ให้ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาและวินิจฉัยคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง และการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิก วุฒิสภา ทั้งนี้ วิธีพิจารณาและวินิจฉัยคดีให้เป็นไปตามระเบียบที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกากำหนด โดยต้องใช้ระบบไต่ส่วนและเป็นไปโดยรวดเร็ว
ในกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผล การเลือกตั้งแล้ว ถ้าคณะกรรมการการเลือกตั้งเห็นควรให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือก ตั้งสมาชิกวุฒิสภา ให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 7 มิถุนายน พุทธศักราช 2557
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 58 / 2557
เรื่อง การพิจารณาและวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งและการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น
ตามที่ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 11 / 2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง การสิ้นสุดของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักไทย นั้น เพื่อให้การพิจารณาและวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งและการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นของศาลอุทธรณ์ หรือศาลอุทธรณ์ภาคดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีประกาศ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1. ให้ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 51 /2557 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง การพิจารณาและวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น
ข้อ 2. ในกรณีที่ได้มีประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นแล้ว และศาลอุทธรณ์ หรือศาลอุทธรณ์ภาคได้รับคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อขอให้วินิจฉัยว่าควรให้มีการเลือกตั้งใหม่ หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นผู้ใด ให้ศาลอุทธรณ์ หรือศาลอุทธรณ์ภาค ซึ่งมีอำนาจพิจารณาและวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งและการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
ข้อ 3. เมื่อศาลอุทธรณ์หรือศาลอุทธรณ์ภาคได้รับคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้งตามข้อ 2. แล้ว สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นผู้นั้นจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปไม่ได้ จนกว่าศาลอุทธรณ์ หรือศาลอุทะรณ์ภาคจะมีคำสั่งยกคำร้อง แต่หากศาลอุทธรณ์ หรือศาลอุทธรณ์ภาคมีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเขตเลือกตั้งใดหรือเพิกสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นผู้ใด ให้มีสมาชิกภาพของสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือการดำรงตำแหน่งของผู้บริหารท้องถิ่นในเขตเลือกตั้งนั้นสิ้นสุดลง และให้คำสั่งของศาลอุทธรณ์ หรือศาลอุทธรณ์ภาคเป็นที่สุด
ข้อ 4. ในกรณีที่สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นผู้ใดปฏิบัติหน้าที่ต่อไปไม่ได้มิให้นับบุคคลดังกล่าวเข้าในจำนวนรวมของสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของสภาท้องถิ่นหรือคณะผู้บริหารท้องถิ่น
ข้อ 5. ให้ยกเลิกความในข้อ 1 แห่งประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 32 ลงวันที่ 30 กันยายน พุทธศักราช 2548 เรื่อง อำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใด ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 คณะกรรมการเลือกตั้งต้องประกาศผลการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งต้องไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันเลือกตั้ง"
ทั้งนี้ ข้อ 1 มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2557 ส่วนข้อ 2 ข้อ 3 ข้อ 4 และข้อ 5 ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 6 มิถุนายน พุทธศักราช 2557
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 59/2557
เรื่อง ขอขยายระยะเวลาการนำส่งมอบอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่สำหรับใช้เฉพาะแต่การสงคราม
ตามที่ได้มีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 37/2557 ลงวันที่ 29 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง ให้ผู้มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิด ที่สำหรับใช้เฉพาะแต่การสงครามนำมาส่งมอบ และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 53/2557 ลงวันที่ 3 มิถุนายน พุทธศักราช 2557 เรื่อง กำหนดให้ผู้กระทำความผิดในบางกรณีที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 37/2557 แล้วนั้น เพื่อให้มีการนำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ที่สำหรับใช้เฉพาะแต่การสงคราม ส่งมอบต่อนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมายต่อไปอีกระยะหนึ่ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ 1. ให้ขยายระยะเวลาแก่ผู้ที่มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิด สำหรับใช้เฉพาะแต่การสงคราม ในการนำส่งมอบต่อนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 37/2557 ลงวันที่ 29 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่องให้ผู้มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่สำหรับใช้เฉพาะแต่การสงคราม นำส่งมอบต่อไปจนถึงวันที่ 25 มิถุนายน พุทธศักราช 2557
ข้อ 2. ให้ผู้ที่นำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดสำหรับใช้เฉพาะแต่การสงคราม ส่งมอบต่อนายทะเบียนท้องที่ภายในกำหนดเวลาตามข้อ 1. ไม่ต้องรับโทษทางอาญา ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน
ข้อ 3. ผู้ที่ฝ่าฝืนไม่นำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่สำหรับใช้เฉพาะแต่การสงคราม ส่งมอบต่อนายทะเบียนท้องที่ภายในกำหนดเวลาตามข้อ 1. มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงยี่สิบปี
ข้อ 4. ประกาศนี้มิได้ให้บังคับแก่ผู้กระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน ที่ถูกจับกุมหรือตกเป็นผู้ต้องหา หรือเป็นจำเลยก่อนวันที่ 29 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 และอยู่ระหว่างการสอบสวนหรือระหว่างคดียังไม่ถึงที่สุด
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 10 มิถุนายน พุทธศักราช 2557
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 60/2557
เรื่อง ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถานในบางพื้นที่เพิ่มเติม
เนื่องจากสถานการณ์ในบางพื้นที่ได้คลี่คลายลง และไม่ปรากฎแนวโน้มของการเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง ดังนั้น เพื่อเป็นมาตรการผ่อนคลายและบรรเทาผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน จึงให้ยกเลิกการประกาศห้ามออกนอกเคหสถานในพื้นที่ ดังต่อไปนี้
1. จังหวัดกาญจนบุรี
2. จังหวัดราชบุรี
3. อำเภอเขาย้อย อำเภอหนองหญ้าปล้อง อำเภอท่ายาง อำเภอบ้านลาด อำเภอบ้านแหลม อำเภอแก่งกระจาน และอำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี
4. จังหวัดระยอง
5. จังหวัดจันทบุรี
6. อำเภอคลองใหญ่ อำเภอเขาสมิง อำเภอบ่อไร่ อำเภอแหลมงอบ อำเภอเกาะกูด และอำเภอเมือง จังหวัดตราด
7. จังหวัดนครพนม
8. จังหวัดสกลนคร
9. จังหวัดร้อยเอ็ด
10. จังหวัดเลย
11. จังหวัดสุรินทร์
12. จังหวัดตาก
13. จังหวัดสุโขทัย
14. จังหวัดแม่ฮ่องสอน
15. จังหวัดอุตรดิตถ์
16. จังหวัดแพร่
17. จังหวัดน่าน
18. อำเภอสะเดา และอำเภอเมือง จังหวัดสงขลา
19. จังหวัดตรัง
20. จังหวัดสตูล
สำหรับในพื้นที่อื่น ๆ ให้ยังคงปฏิบัติตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง ห้ามออกนอกเคหสถาน ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 42/2557 ลงวันที่ 26 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง แก้ไขห้วงเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 52/2557 ลงวันที่ 3 มิถุนายน พุทธศักราช 2557 เรื่อง ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถานในบางพื้นที่
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
ประกาศ ณ วันที่ 10 มิถุนายน พุทธศักราช 2557
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ