วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

คำสั่ง คสช. ที่ 81 - 90 /2557

คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๑/๒๕๕๗
เรื่อง การกำหนดตำแหน่งเพิ่มและการแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง
      เพื่อให้การปฏิบัติงานของส่วนราชการต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเหมาะสมยิ่งขึ้น หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีคำสั่ง ดังนี้
      ข้อ ๑ ให้กำหนดตำแหน่งข้าราชการเพิ่มขึ้นในส่วนราชการ ดังนี้
        (๑) ตำแหน่ง ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวนสองตำแหน่ง
        (๒) ตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในกระทรวงการคลัง จำนวนหนึ่งตำแหน่ง
        (๓) ตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ในกระทรวงแรงงาน จำนวนหนึ่งตำแหน่ง
      ข้อ ๒ ให้ นายสมชัย ศิริวัฒนโชค พ้นจากตำแหน่ง ปลัดกระทรวงคมนาคม และให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นพิเศษเฉพาะราย
      ข้อ ๓ ให้ นายโชติ ตราชู พ้นจากตำแหน่ง ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นพิเศษเฉพาะราย
      ข้อ ๔ ให้ นายสุทธิชัย สังขมณี พ้นจากตำแหน่ง อธิบดีกรมสรรพากร และให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เป็นพิเศษเฉพาะราย
      ข้อ ๕ ให้ นายประวิทย์ เคียงผล พ้นจากตำแหน่ง อธิบดีกรมการจัดหางาน และให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน เป็นพิเศษเฉพาะราย
      ข้อ ๖ ให้ นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ พ้นจากตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงคมนาคม และให้ดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวงคมนาคม
      ข้อ ๗ ให้ นายมิ่งขวัญ วิชยารังสฤษดิ์ พ้นจากตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และให้ดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
      ข้อ ๘ ให้ นายเกษมสันต์ จิณณวาโส พ้นจากตำแหน่ง หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และให้ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
      ข้อ ๙ ให้ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ พ้นจากตำแหน่ง อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และให้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ
      ข้อ ๑๐ ให้ นางสาวภาวิณี ปุณณกันต์ พ้นจากตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และให้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
      ข้อ ๑๑ ให้ นายสุพจน์ โตวิจักรชัยกุล พ้นจากตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และให้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
      ข้อ ๑๒ ให้ นายประสงค์ พูนธเนศ พ้นจากตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และให้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมสรรพากร
      ข้อ ๑๓ ให้ นายกุลิศ สมบัติศิริ พ้นจากตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง และให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
      ข้อ ๑๔ ให้ นายพีรพัฒน์ พรศิริเลิศกิจ พ้นจากตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน และให้ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงแรงงาน
      ข้อ ๑๕ ให้ นายสุเมธ มโหสถ พ้นจากตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงแรงงาน และให้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมการจัดหางาน
      ข้อ ๑๖ ให้ข้าราชการซึ่งดำรงตำแหน่งข้างต้น ปฏิบัติหน้าที่ตามตำแหน่งตั้งแต่วันที่มีคำสั่งนี้เป็นต้นไป
      ข้อ ๑๗ ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงบประมาณ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการเกี่ยวกับตำแหน่งและอัตราเงินเดือนของข้าราชการดังกล่าวให้เรียบร้อยโดยด่วน โดยจัดให้ดำรงตำแหน่งที่ไม่ต่ำกว่าที่ข้าราชการผู้นั้นดำรงตำแหน่งอยู่เดิม
      ข้อ ๑๘ เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งตามคำสั่งนี้เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
      ข้อ ๑๙ เมื่อไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งตามข้อ ๒ ข้อ ๓ ข้อ ๔ และข้อ ๕ ให้ตำแหน่งดังกล่าวเป็นอันยกเลิก
      ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
      สั่ง ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗


คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๒/๒๕๕๗
เรื่อง  ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม
             เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลเข้ามารายงานตัว ณ ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก เทเวศร์ ในวันที่ ๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ เวลา ๑๐.๐๐ - ๑๒.๐๐ ดังนี้
                        
๑. นายจอม                 เพชรประดับ
                        
๒. นางสาวกาญจนา     หอมนาน
                        
๓. นายวรรณศรี            เค็ดโลก
                        
๔. นายมะรอมือลี          แวแซ
                        
๕. นายพอรอดิง           บินยูนุ
                        
๖. นายนภัทธ               พันทวีการ
                        
๗. นายกฤษณนัยน์       จิตธนาพัทธ์
                        
๘. นายมานาฟ             อับดุลมุญีบ
                        
๙. นายพีรพล              วรรณริศ
                        
๑๐. นายสามีอุง            เปาะอาเดาะ
                        
๑๑. นายอุทัย               นามวงศ์
                        
๑๒. นายสุรพัฒน์          นพรัตน์
                        
๑๓. นางสาวสุกัญญา    สมคะเน
                        
๑๔. นายอำนาจ           ศักดิ์ชัชวาล
                        
๑๕. นายอภิศักดิ์          มณีโชติ
                        
๑๖. นางจีรนันท์           สุขมาก
                        
๑๗. นายชัยพร            วิจิตรโสภณ
                        
๑๘. นายเศกสิทธิ์        ขำประเสริฐ
             สั่ง  วันที่ ๓๐  มิถุนายน พุธศักราช ๒๕๕๗

คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๓/๒๕๕๗
เรื่อง  แต่งตั้งข้าราชการให้รักษาราชการแทน
             ตามที่เลขาธิการสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมีความจำเป็นต้องเดินทางไปราชการต่างประเทศเพื่อเข้าร่วมศึกษาดูงานองค์กรที่ปรึกษาหรือองค์กรคล้ายคลึงในต่างประเทศในภาคพื้นเอเซีย ๒ ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน และสาธารณรัฐเกาหลี ในระหว่างวันที่ ๑๐-๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗ นั้น
             
ดังนั้น  เพื่อให้การบริหารงานของสำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย อาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๐/๒๕๕๗ ตั้งแต่วันที่ ๒๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ จึงแต่งตั้งให้นายนิพนธ์  เพ็ญจันทร์ ตำแหน่งผู้อำนายการสำนักกิจการสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รักษาราชการแทนเลขาธิการสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในระหว่างวันที่ ๑๑-๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗ 
             
ทั้งนี้  ตั้งแต่วันที่ ๑๑-๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗
             สั่ง  วันที่ ๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๔/๒๕๕๗
เรื่อง การกำหนดตำแหน่งเพิ่มและการแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง
       เพื่อให้การปฏิบัติงานของส่วนราชการต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเหมาะสมยิ่งขึ้น หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่ง ดังนี้
       ข้อ ๑ ให้กำหนดตำแหน่งผู้ตรวจราชการ เพิ่มขึ้นในสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม จำนวนหนึ่งตำแหน่ง
       ข้อ ๒ ให้ พันตำรวจเอก สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย พ้นจากตำแหน่ง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการ ในสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม ตามข้อ ๑ เป็นพิเศษเฉพาะราย
       ข้อ ๓ ให้ นายวิทยา สุริยะวงค์ พ้นจากตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม และให้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมราชทัณฑ์
       ข้อ ๔ ให้ นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ พ้นจากตำแหน่ง รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม
       ข้อ ๕ ให้ พลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ พ้นจากตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และให้กลับไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
       ข้อ ๖ ให้ นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต พ้นจากตำแหน่ง รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และให้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
       ข้อ ๗ ให้ ข้าราชการซึ่งดำรงตำแหน่งข้างต้น ปฏิบัติหน้าที่ตามตำแหน่งตั้งแต่วันที่มีคำสั่งนี้เป็นต้นไป
       ข้อ ๘ ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงบประมาณ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการเกี่ยวกับตำแหน่งและอัตราเงินเดือนของข้าราชการดังกล่าวให้เรียบร้อยโดยด่วน โดยจัดให้ดำรงตำแหน่งที่ไม่ต่ำกว่าตำแหน่งที่ข้าราชการผู้นั้นดำรงตำแหน่งอยู่เดิม
       ข้อ ๙ เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งและคำสั่งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฏหมาย
       ข้อ ๑๐ เมื่อไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งตามข้อ ๒ แล้ว ให้ตำแหน่งดังกล่าวเป็นอันยกเลิก
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
       สั่ง ณ วันที่ ๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๕/๒๕๕๗
เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้
      ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ประกาศเข้าควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศ ตามประกาศ ฉบับที่ ๑/๒๕๕๗ ตั้งแต่วันที่ ๒๒ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ นั้น
      เพื่อให้การพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศไทย เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ป้องกันและบรรเทาปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วม รวมทั้งป้องกันภัยพิบัติให้กับประชาชนได้อย่างแท้จริง จึงออกคำสั่ง ดังนี้
      ข้อ ๑ ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ๓ ฉบับ ได้แก่
            ๑.๑ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยยุทธศาสตร์ เพื่อการพื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ.๒๕๕๔
            ๑.๒ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ พ.ศ.๒๕๕๔
            ๑.๓ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๕ แต่ให้คง สำนักนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (สบอช.) ให้เป็นหน่วยงานภายใต้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ในการประสานงานหน่วยงานของรัฐ ที่เกี่ยวข้องกับการรวบรวมข้อมูลสภาพภูมิอากาศ สภาพน้ำในลุ่มน้ำและเขื่อนหรือที่กักเก็บน้ำ เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์และเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
      ข้อ ๒ แต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ประกอบด้วย
           ๒.๑ พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ ประธานกรรมการ
           ๒.๒ เลขาธิการคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รองประธานกรรมการ
           ๒.๓ พลโทศุภกร สงวนชาติศรไกร กรรมการ
           ๒.๔ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กรรมการ
           ๒.๕ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรรมการ
           ๒.๖ ปลัดกระทรวงคมนาคม กรรมการ
           ๒.๗ ปลัดกระทรวงทรัพยกรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรรมการ
           ๒.๘ ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรรมการ
           ๒.๙ ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กรรมการ
           ๒.๑๐ ปลัดกระทรวงพลังงาน กรรมการ
           ๒.๑๑ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรรมการ
           ๒.๑๒ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฏีกา กรรมการ
           ๒.๑๓ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กรรมการ
           ๒.๑๔ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กรรมการ
           ๒.๑๕ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก กรรมการ
           ๒.๑๖ เลขาธิการคณะกรรมการการวิจัยแห่งชาติ กรรมการ
           ๒.๑๗ ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ กรรมการ
           ๒.๑๘ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กรรมการ
           ๒.๑๙ ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร กรรมการ
           ๒.๒๐ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมถ์ กรรมการ
           ๒.๒๑ เจ้ากรมการทหารช่าง กรรมการ
           ๒.๒๒ อธิบดีกรมชลประทาน กรรมการและเลขานุการ
           ๒.๒๓ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
           ๒.๒๔ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
           ๒.๒๕ อธิบดีกรมเจ้าท่า กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
     ข้อ ๓ ให้คณะกรรมการตามข้อ ๒ มีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
          ๓.๑ กำหนดกรอบนโยบายและแผนงานการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การป้องกันและแก้ปัญหาอุทกภัย ภัยแล้งและคุณภาพน้ำของประเทศ เพื่อให้การบริหารทรัพยากรน้ำของประเทศเป็นไปอย่างมีเอกภาพและบูรณาการ
          ๓.๒ เสนอแผนงาน โครงการ และมาตรการที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อให้เกิดการบูรณาการในการปฏิบัติต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
          ๓.๓ สนับสนุนการมีส่วนร่วมและเสริมสร้างความเข้าใจของประชาชนในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ
          ๓.๔ บูรณาการการสั่งงานด้านการบริหารจัดการน้ำ โดยสั่งการให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามวิกฤติให้มีการประสานกับคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (กปภช.) ซึ่งสามารถใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.๒๕๕๐
          ๓.๕ ติดตาม กำกับ ดูแลการปฏิบัติตามนโยบาย แผนงาน โครงการ และมาตรการที่อนุมัติ
          ๓.๖ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการคณะทำงาน และคณะที่ปรึกษา เพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศหรือตามที่ได้รับมอบหมาย
          ๓.๗ เชิญบุคคลหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำมาให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง และความคิดเห็น รวมทั้งส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการฯ
          ๓.๘ ดำเนินการอื่นใดที่จำเป็นเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ
          ๓.๙ รายงานผลการดำเนินงาน พร้อมทั้งปฏิบัติหน้าที่อื่นใดตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมอบหมาย
          ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
          สั่ง ณ วันที่ ๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗
                พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
         หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๖/๒๕๕๗
เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม
         เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลเข้ามารายงานตัว ณ หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ในวันที่ ๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ เวลา ๑๐.๐๐ - ๑๒.๐๐ ดังนี้
        ๑. พลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์
        ๒. นายวีระ สมความคิด
        สั่ง ณ วันที่ ๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๗/๒๕๕๗
เรื่อง การกำหนดตำแหน่งเพิ่มและการแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง
      เพื่อให้การปฎิบัติงานของส่วนราชการต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเหมาะสมยิ่งขึ้นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่ง ดังนี้
      ข้อ ๑ ให้กำหนดตำแหน่งข้าราชการเพิ่มขึ้นในส่วนราชการ ดังนี้
          (๑) ตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงานในกระทรวงพลังงาน จำนวนสี่ตำแหน่ง
          (๒) ตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวนสองตำแหน่ง
      ข้อ ๒ ให้ นายชุมพล ฐิตยารักษ พ้นจากตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงพลังงานและให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน เป็นพิเศษเฉพาะราย
      ข้อ ๓ ให้ นายทรงภพ พลจันทร์ พ้นจากตำแหน่ง อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติและให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน เป็นพิเศษเฉพาะราย
      ข้อ ๔ ให้ นายสมนึก บำรุงสาลี พ้นจากตำแหน่ง อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน และให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน เป็นพิเศษเฉพาะราย
      ข้อ ๕ ให้ นายประมวล จันทร์พงษ์ พ้นจากตำแหน่ง อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน และให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน เป็นพิเศษเฉพาะราย
      ข้อ ๖ ให้ นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ พ้นจากตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน และให้ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงพลังงาน
      ข้อ ๗ ให้ นายคุรุจิต นาครทรรพ พ้นจากตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงพลังงานและให้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ
      ข้อ ๘ ให้ นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ พ้นจากตำแหน่ง รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน และให้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน
      ข้อ ๙ ให้ นายวีระพล จิรประดิษฐกุล พ้นจากตำแหน่ง หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน และให้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน
      ข้อ ๑๐ ให้ นายชวลิต พิชาลัย พ้นจากตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน และให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
      ข้อ ๑๑ ให้ นายนพพล ศรีสุข พ้นจากตำแหน่ง อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นพิเศษเฉพาะราย
      ข้อ ๑๒ ให้ นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ พ้นจากตำแหน่ง อธิกรมป่าไม้ และให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นพิเศษเฉพาะราย
      ข้อ ๑๓ ให้ นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และให้ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
      ข้อ ๑๔ ให้ นายชลธิศ สุรัสวดี พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและให้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
      ข้อ ๑๕ ให้ นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ พ้นจากตำแหน่ง รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช และให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมป่าไม้
      ข้อ ๑๖ ให้ นายเกษมสันต์ จิณณวาโส พ้นจากตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และให้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
      ข้อ ๑๗ ให้ข้าราชการซึ่งดำรงตำแหน่งข้างต้น ปฏิบัติหน้าที่ตามตำแหน่งตั้งแต่วันที่มีคำสั่งนี้เป็นต้นไป
      ข้อ ๑๘ ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงบประมาณและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการเกี่ยวกับตำแหน่งและอัตราเงินเดือนของข้าราชการดังกล่าว ให้เรียบร้อยโดยด่วน โดยจัดให้ดำรงตำแหน่งที่ไม่ต่ำกว่าตำแหน่งที่ข้าราชการผู้นั้นดำรงตำแหน่งอยู่เดิม
      ข้อ ๑๙ เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งตามคำสั่งนี้เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
      ข้อ ๒๐ เมื่อไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งตามข้อ ๒ ข้อ ๓ ข้อ ๔ ข้อ ๕ ข้อ ๑๑ และข้อ ๑๒ แล้ว ให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวเป็นอันยกเลิก
      ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
      สั่ง ณ วันที่ ๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๘/๒๕๕๗
เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมการจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๘
       เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นไปอย่างทั่วถึงเป็นธรรม และเป็นไปตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงออกคำสั่งดังนี้
       ๑.แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมการจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๘
          ๑.๑ เสนาธิการทหาร เป็นประธานกรรมการ
          ๑.๒ รองเสนาธิการทหาร(๒) รองประธานกรรมการ(๑)
          ๑.๓ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา รองประธานกรรมการ(๒)
          ๑.๔ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรรมการ
          ๑.๕ ผู้อำนวยการสำนักจัดทำงบประมาณด้านความมั่นคง ๑ สำนักงบประมาณ กรรมการ
          ๑.๖ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย กรมบัญชีกลาง กรรมการ
          ๑.๗ หัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรรมการ
          ๑.๘ ปลัดบัญชีทหาร กรรมการและเลขานุการ
       ๒.ให้คณะกรรมการตามข้อ ๑ มีอำนาจหน้าที่ดังนี้
          ๒.๑ พิจารณาความเหมาะสมการจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๘
          ๒.๒ กำกับดูแลการดำเนินการ การจัดทำและบริหารงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๘ ให้เป็นไปตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
          ๒.๓ รายงานผลการดำเนินการและเสนอแนะความเห็นให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบโดยเร็ว เพื่อพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
          ๒.๔ เชิญข้าราชการ บุคคล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงหรือส่งเอกสารให้ตามความเหมาะสม
          ๒.๕ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อปฎิบัติการใดๆ ตามที่คณะกรรมการหรือคณะรักษาความสงบแห่งชาติมอบหมาย
        ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๘๙/๒๕๕๗
เรื่อง การให้ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยพ้นจากตำแหน่ง
       ให้การปฏิบัติงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเหมาะสมยิ่งขึ้น หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีคำสั่งให้ นายประภัสร์ จงสงวน พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
       สั่ง ณ วันที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๙๐/๒๕๕๗
เรื่อง  แต่งตั้งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
               เพื่อให้การกำหนดนโยบาย ควบคุม กำกับ และดูแลการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดแก่รัฐและประชาชนส่วนรวม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ 
จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
        ๑. ให้มีคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ประกอบด้วย
        
  ๑.๑ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ                         ประธานกรรมการ
         
๑.๒ รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (หัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา) รองประธานกรรมการคนที่ ๑

         ๑.๓ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม        รองประธานกรรมการคนที่ ๒
         ๑.๔ ปลัดกระทรวงกลาโหม                                              กรรมการ
         
๑.๕ ปลัดกระทรวงการคลัง                                               กรรมการ
        
๑.๖ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์                                     กรรมการ
         
๑.๗ ปลัดกระทรวงคมนาคม                                              กรรมการ
         
๑.๘ ปลัดกระทรวงมหาดไทย                                            กรรมการ
         
๑.๙ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ                                            กรรมการ
         
๑.๑๐ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข                                           กรรมการ
         
๑.๑๑ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม                                           กรรมการ
         
๑.๑๒ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ          กรรมการ 
         ๑.๑๓ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน                 กรรมการ
         
๑.๑๔ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ                                  กรรมการ
         
๑.๑๕ สัตวแพทย์หญิง นันทริกา  ขันซื่อ                                 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
         
๑.๑๖ นายชัชชม  อรรฆภิญญ์                                            กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
         
๑.๑๗ นายพิจิตต  รัตตกุล                                                กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิคุณวุฒิ
         
๑.๑๘ นายสุวิชญ์  รัศมิภูติ                                               กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
         
๑.๑๙ นายอนรรฆ  พัฒนวิบูลย์                                           กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
         
๑.๒๐ นายแพทย์ สุรศักดิ์  ฐานีพาณิชสกุล                                   กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
         
๑.๒๑ นายประเสริฐ  ตปนียางกูร                                        กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
         
๑.๒๒ นายอดิศร์  อิศรางกูร ณ อยุธยา                                    กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
         
๑.๒๓ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (หัวหน้ากลุ่มอำนวยการ) กรรมการและเลขานุการ
          ๑.๒๔ เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
       ๒. ให้คณะกรรมการตามข้อ ๑ มีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ 
          ๒.๑ มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๓๕
        
  ๒.๒ ปฏิบัติหน้าที่อื่นใดให้เป็นไปตามคำสั่งนี้ หรือตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมอบหมาย
       ทั้งนี้  ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
       สั่ง  วันที่  ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช  ๒๕๕๗

            พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ