วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2557

คำสั่ง คสช. ที่ 41 - 50 /2557

คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๑/๒๕๕๗
เรื่อง การปราบปรามและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด
              เพื่อให้การบริหารราชการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในการปราบปรามและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติดให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดผลกระทบที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนและสังคมโดยรวม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
              ๑. ให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดของทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการปราบปรามและจับกุมผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้นำเข้า และส่งออก รวมทั้งผู้สมคบและสนับสนุนช่วยเหลือให้ได้ผลอย่างจริงจังในทุกพื้นที่ สกัดกั้นการลักลอบนำเข้ายาเสพติดตลอดแนวชายแดน ปราบปรามเครือข่ายค้ายาเสพติดในทุกหมู่บ้านและชุมนุมทั่วประเทศ และใช้มาตรการตรวจสอบเพื่อยึดหรืออายัดทรัพย์สินของผู้เกี่ยวข้องทั้งระบบ
              ๒. ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบควบคุมตรวจสอบสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ ที่พัก อาคารในเชิงพานิชย์ ประเภท หอพัก อาคารชุด หรือ เกสเฮ้าส์ ที่ให้ผู้อื่นเช่า สถานที่ที่จัดให้มีการเล่น บิลเลียด สนุกเกอร์ รวมทั้งโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานและสถานประกอบการอื่นๆ หากพบว่า มีการปล่อยปละละเลยให้มีการซุกซ่อน จำหน่าย และเสพยาเสพติด ให้มีการดำเนินการลงโทษตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับเจ้าของหรือผู้ประกอบการในทันที
              ๓. ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบนำผู้เสพยาเสพติดเข้ารับการบำบัดรักษาโดยทันที และติดตามดูแลให้ความช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัดให้สามารถกลับมาดำรงชีวิตได้ตามปกติ ทั้งในด้านการศึกษาและการประกอบอาชีพ โดยประสานงานกับทุกองค์กรที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งภาคประชาชนและองค์กรชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานดังกล่าวอย่างจริงจัง
              ๔. เจ้าหน้าที่ของรัฐคนใดปล่อยปละละเลยหรือเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจะต้องถูกดำเนินการทางวินัย และทางอาญาทันที
              ๕. ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ติดตามผลการดำเนินงานตามข้อ ๑-๔ และรายงานผลการปฏิบัติให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบอย่างต่อเนื่อง
              ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
              สั่ง ณ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๒/๒๕๕๗
เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม
              เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลเข้ามารายงานตัว ณ ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก เทเวศร์ ในวันที่ ๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ เวลา ๑๐.๐๐ - ๑๒.๐๐ ดังนี้
              ๑. นายคารม พลพรกลาง
              ๒. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ
              สั่ง ณ วันที่ ๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗
         
คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๓/๒๕๕๗
เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม
              เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลเข้ามารายงานตัว ณ ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก เทเวศร์ ในวันที่ ๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ เวลา ๑๐.๐๐ - ๑๒.๐๐ ดังนี้
              ๑. พันตำรวจเอก นริศ แสวงจิตร
              ๒. นางหน่อย แดงเป้า
                          ฯลฯ    
              สั่ง ณ วันที่ ๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗

     
คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๔/๒๕๕๗
เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม
              เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลเข้ามารายงานตัว ณ ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก เทเวศร์ ในวันที่ ๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ เวลา ๑๐.๐๐ - ๑๒.๐๐ ดังนี้
              ๑. นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ
              ๒. นายเก่งกิจ กิติเรียงลาภ
                           ฯลฯ        
              สั่ง ณ วันที่ ๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗
     
คำสั่งคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ที่ 45/2557
เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ
              เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดิน และการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเป็นไปด้วยความรอบคอบมีความโปร่งใส และอยู่ในระเบียบวินัยการเงินและการคลัง คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติจึงออกคำสั่งดังนี้
              ข้อ 1. แต่งตั้งคณะกรรมการติดตาม และตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ หรือ คตร. ซึ่งประกอบด้วย
                       1. ปลัดบัญชีทหารบก เป็น  ประธานกรรมการ
           2. ปลัดกระทรวงการคลัง เป็น  รองประธานกรรมการคนที่หนึ่ง
                       3. ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เป็น  รองประธานกรรมการคนที่สอง
                       4. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็น  รองประธานกรรมการคนที่สาม
                       5. เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ เป็นกรรมการ
                       6. อธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็น  กรรมการ
                       7. ผู้อำนวยการสำนักประเมินผล สำนักงบประมาณ เป็น  กรรมการ
                       8. เจ้ากรมจเรทหารบก เป็น  กรรมการ
                       9. ผู้อำนวยการสำนักงานตรวจสอบภายในทหารบก เป็น  กรรมการ
                     10. ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก เป็น  กรรมการ
                     11. ผู้แทนฝ่ายความมั่นคงตามประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ฉบับที่ 22 /2557 เป็น  กรรมการ
                    12. ผู้แทนฝ่ายสังคมจิตวิทยาตามประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ฉบับที่ 22 /2557 เป็น  กรรมการ
                    13. ผู้แทนฝ่ายเศรษฐกิจตามประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ฉบับที่ 22 /2557 เป็น  กรรมการ
                    14. ผู้แทนฝ่ายกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมตามประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ฉบับที่ 22 /2557 เป็น  กรรมการ
                    15. ผู้แทนฝ่ายกิจการพิเศษตามประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ฉบับที่ 22 /2557 เป็น  กรรมการ
                    16. ผู้แทนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็น  เลขานุการ
                    17. ผู้แทนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็น  ผู้ช่วยเลขานุการคนที่หนึ่ง
                    18. ผู้แทนสำนักงบประมาณ เป็น  ผู้ช่วยเลขานุการคนที่สอง
              ข้อ 2. ให้คณะกรรมการตามข้อ 1 มีอำนาจหน้าที่ดังนี้
                       1. ติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐให้เป็นไปด้วยความโปร่งใส และถูกต้องภายใต้กรอบงบประมาณของรัฐ ควบคู่กับการติดตาม และตรวจสอบตามปกติของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ โดยมุ่งเน้นแผนงานหรือโครงการที่สำคัญ ซึ่งอยู่ในอำนาจของรัฐมนตรีและหัวหน้าส่วนราชการที่มีผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชน และการพัฒนาประเทศ
           2. รายงานผลการดำเนินการ และเสนอแนะความเห็นให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบโดยเร็ว เพื่อพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
                      3. เสนอแนะเพื่อให้มีการดำเนินการในลักษณะที่เป็นคุณ หรือเป็นโทษต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ ทั้งนี้ ตามระเบียบแบบแผนของราชการและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
                     4. เข้าไปในสถานที่ของส่วนราชการรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐ หรือสถานที่อื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อประโยชน์ในการติดติดและตรวจสอบข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
                     5. เชิญข้าราชการ บุคคล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง หรือส่งเอกสารให้ตามความเหมาะสม
                     6. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติการใดๆ ตามที่คณะกรรมการ หรือหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมอบหมาย
               ข้อ 3. เพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานของคณะกรรมการตามข้อ 1 ให้สำนักปลัดบัญชีกองทัพบกเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ และมีกำลังพลตามจำนวนที่เหมาะสม ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนงานทั่วไปและงานที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการ
               ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
               สั่ง ณ วันที่ 3 มิถุนายน พุทธศักราช 2557
     
คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๖/๒๕๕๗
เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม
              เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลเข้ามารายงานตัว ณ ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก เทเวศร์ ในวันที่ ๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ เวลา ๑๐.๐๐ - ๑๒.๐๐ ดังนี้
              ๑. นายนายขรรค์ชัย บุนปาน
              ๒. นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์
              สั่ง ณ วันที่ ๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗
               
คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๗/๒๕๕๗
เรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ในคณะกรรมการต่างๆ
              ตามที่มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๖/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เรื่อง แต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๐/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เรื่อง ให้อำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีเป็นอำนาจหน้าที่ของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และฉบับที่ ๒๒/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เรื่อง การจัดส่วนงาน การกำหนดอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาตินั้น
              โดยที่การกำหนดอำนาจหน้าที่ และการแบ่งมอบความรับผิดชอบดังกล่าว เป็นการมอบความรับผิดชอบ และการกำกับดูแลหน่วยงานในสายงานของหัวหน้าฝ่ายต่างๆ ดังนั้น เพื่อให้บริหารราชการแผ่นดินดำเนินไปได้โดยเรียบร้อย จึงสมควรมอบหมายการปฏิบัติหน้าที่ในคณะกรรมการต่างๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้
              ข้อ ๑. ให้ผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายหรือรองหัวหน้าฝ่ายต่างๆ ในระดับแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ประธาน รองประธาน หรือกรรมการในคณะกรรมการต่างๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรีตามสายงาน ความรับผิดชอบของตน แล้วแต่กรณี โดยถือว่าการมอบหมายของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเป็นการใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี เว้นแต่จะสั่งการเป็นอย่างอื่น
              ข้อ ๒. ในกรณีที่กฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรีกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงใด เป็นประธาน รองประธาน หรือกรรมการ ให้ปลัดกระทรวงซึ่งมีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๖/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เรื่อง ให้ปลัดกระทรวงปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว กำหนดไว้แล้ว เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ประธาน รองประธาน หรือกรรมการในคณะกรรมการนั้นๆ แล้วแต่กรณี เว้นแต่จะสั่งการเป็นอย่างอื่น
              ข้อ ๓. ในการปฏิบัติหน้าที่ตามข้อ ๑ และข้อ ๒ ถ้ามีข้อขัดข้อง หรือเป็นการพิจารณาปัญหาสำคัญในเชิงนโยบาย หรือคาบเกี่ยวกับฝ่ายอื่น หรือก่อให้เกิดภาระทางงบประมาณในสาระสำคัญ ให้หารือหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติแล้วแต่กรณี
              ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
              สั่ง ณ วันที่ ๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗

คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๘/๒๕๕๗
เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม
              เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลเข้ามารายงานตัว ณ ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก เทเวศร์ ในวันที่ ๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๕.๐๐ ดังนี้
              ๑. นายสมชาย สอนอุบล
              ๒. นายนาวิน บุญเสรฐ
              ๓. นายธานินทร์ อังสุวรังษี
              สั่ง ณ วันที่ ๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗

คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 49/2557
เรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ในคณะกรรมการต่างๆ
              ตามที่มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 6/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง แต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 10/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง ให้อำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี เป็นอำนาจหน้าที่ของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และฉบับที่ 22/2557 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง การจัดส่วนงาน การกำหนดอำนาจหน้าที่ และความรับผิดชอบ ของคณะรักษาความสงบแห่งชาตินั้น โดยที่การกำหนดอำนาจหน้าที่และการแบ่งมอบความรับผิดชอบดังกล่าว เป็นการมอบความรับผิดชอบ และการกำกับดูแลหน่วยงานในสายงานของหัวหน้าฝ่ายต่างๆ นั้น ดังนั้น เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย จึงสมควรมอบหมายการปฏิบัติหน้าที่ในคณะกรรมการต่างๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้
              ข้อ 1. ให้ผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่าย หรือรองหัวหน้าฝ่ายต่างๆ ในระดับแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ประธาน รองประธาน หรือ กรรมการ ในคณะกรรมการต่างๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรีตามสายงานความรับผิดชอบของตน แล้วแต่กรณี โดยถือว่าการมอบหมายของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นการใช้อำนาจนายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรี เว้นแต่จะสั่งการเป็นอย่างอื่น
              ข้อ 2. ในกรณีที่กฎหมายระเบียบ คำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรีกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงใดเป็นประธาน รองประธาน หรือกรรมการให้ปลัดกระทรวงซึ่งมีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 16/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่องให้ปลัดกระทรวงปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราวกำหนดไว้แล้วเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ประธาน รองประธาน หรือกรรมการในคณะกรรมการนั้นๆ แล้วแต่กรณี เว้นแต่จะสั่งการเป็นอย่างอื่น
              ข้อ 3. ในการปฏิบัติหน้าที่ตามข้อ 1.และข้อ 2. ถ้ามีข้อขัดข้องหรือเป็นการพิจารณาปัญหาสำคัญในเชิงนโยบาย หรือคาบเกี่ยวนโยบาย หรือก่อให้เกิดภาระทางงบประมาณในสาระสำคัญให้หารือหัวหน้าฝ่าย หรือหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติแล้วแต่กรณี
              ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
              สั่ง ณ วันที่ 3 มิถุนายน พุทธศักราช 2557
   
คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๙/๒๕๕๗
เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม
              เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลเข้ามารายงานตัว ณ ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก เทเวศร์ ในวันที่ ๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ เวลา ๑๐.๐๐ - ๑๒.๐๐ น.ดังนี้
              ๑. นายใจลส์ ใจ อึ๊งภากรณ์
              ๒. นายจักรภพ เพ็ญแข
                           ฯลฯ      
              สั่ง ณ วันที่ ๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗
     
คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๕๐/๒๕๕๗
เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม
              เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลเข้ามารายงานตัว ณ ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก เทเวศร์ ในวันที่ ๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ เวลา ๑๐.๐๐ - ๑๒.๐๐ ดังนี้
              ๑.นายทนง ศิริปรีชาพงษ์
              ๒.นายอุสมาน สแลแมง
                           ฯลฯ    
              สั่ง ณ วันที่ ๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗
     
                     พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
              หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ